สำหรับผู้ที่จัดฟัน เครื่องมือหนึ่งที่มีความสำคัญก็คือ รีเทนเนอร์ ซึ่งจะช่วยคงสภาพฟันเรียงตัวสวยเป็นระเบียบ ป้องกันการล้มของฟัน โดยทันตแพทย์จัดฟันจะทำรีเทนเนอร์ให้คนไข้ใส่ทันทีหลังจากถอดเครื่องจัดฟัน ซึ่งหลายคนก็คงสงสัยว่ารีเทนเนอร์มีกี่แบบ แล้วเราจะเลือกรีเทนเนอร์แบบไหนดี แล้วควรใส่กี่ปี ในบทความนี้มีคำตอบ
สรุปหัวข้อสำคัญ
Toggleรีเทนเนอร์มีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีข้อดีข้อจำกัดอย่างไรบ้าง ?
1. รีเทนเนอร์ใส (Clear Retainer)
รีเทนเนอร์ใส ทำจากพลาสติกใส ไม่มีสี ขั้นตอนการผลิตเริ่มจากการพิมพ์ฟันด้วยวัสดุพิมพ์ปากอัลจิเนต หลังจากนั้นคนไข้จะต้องรอรับชิ้นงานจากทางคลินิกประมาณ 3-7 วัน เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการให้เห็นเครื่องมือ
ข้อดีของการใส่รีเทนเนอร์ใส
- เป็นพลาสติกใส จึงมองไม่เห็นเครื่องมือ
- เครื่องมือมีความแน่น คงสภาพฟันได้ดี
- วัสดุค่อนข้างบาง สะดวกในการพูด
- สามารถใส่ออกงานได้
- ใช้ระยะเวลาในการทำน้อย ไม่ต้องรอชิ้นงานนาน
- ราคาไม่แพง
ข้อจำกัดของรีเทนเนอร์ใส
ในกรณีคนไข้มีการถอด-ใส่ที่ไม่ถูกต้อง รีเทนเนอร์ใสสามารถร้าวหรือแตกหักได้
2. รีเทนเนอร์โลหะหรือแบบลวด (Hawley Retainer)
รีเทนเนอร์โลหะ บริเวณฐานทำมาจากอะคริลิก (Acrylic) และมีลวดหุ้มตัวฟัน มีขั้นตอนการผลิตคล้ายกับรีเทนเนอร์ใส โดยเริ่มจากการพิมพ์ฟันด้วยอัลจิเนต จากนั้นคนไข้รอรับชิ้นงานจากทางคลินิกประมาณ 3-7 วัน
ข้อดีของรีเทนเนอร์โลหะ
- มีสีสันที่สวยงาม สามารถเลือกเพิ่มลายการ์ตูนที่ชอบ เลือกสีได้ตามใจชอบ
- มีความแข็งแรง คงทน
- ใช้ระยะเวลาในการทำน้อย ไม่ต้องรอชิ้นงานนาน
- ราคาไม่แพง
ข้อจำกัดของรีเทนเนอร์โลหะ
- มีส่วนของฐานทำจาก Acrylic ขนาดค่อนข้างใหญ่อาจส่งผลต่อการพูดของคนไข้ได้
- มีส่วนของลวดโลหะบริเวณด้านผิวฟัน ทำให้เวลาคนไข้ยิ้มจะสามารถเห็นตัวเครื่องมือได้ จึงไม่เหมาะกับคนไข้ที่จะไปออกงาน รวมถึงทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการพูดคุยหรือเจรจา
รีเทนเนอร์แบบติดแน่น เป็นชนิดที่เหมาะสมกับคนไข้ที่รู้ตัวว่าไม่สามารถมีวินัยในการใส่อุปกรณ์ทันตกรรมตลอดเวลาได้ เพราะรีเทนเนอร์ชนิดนี้จะไม่สามารถถอดใส่ได้เองโดยคนไข้ จะต้องให้คุณหมอรื้อออกให้เท่านั้น มีลักษณะเป็นลวดติดแน่นอยู่กับฟันบริเวณด้านในผิวฟัน มีความสวยงาม เนื่องจากจะไม่เห็นเส้นลวดด้านหน้าฟันแบบรีเทนเนอร์โลหะ และไม่ต้องถอดรีเทนเนอร์ออกก่อนที่เราจะรับประทานอาหาร ใครที่เคยใส่คงจะทราบดีว่า เวลาเอากระดาษทิชชูห่อรีเทนเนอร์เมื่อไร รู้ตัวอีกทีก็ถูกทิ้งลงในถังขยะ หรือลืมเอาไว้ที่ร้านอาหารเสียแล้ว
ข้อดีของรีเทนเนอร์ชนิดติดแน่น
- มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ เนื่องจากตัวลวดยึดฟันจะอยู่ด้านใน
- ไม่ต้องถอดออกเมื่อรับประทานอาหาร
- เหมาะกับคนที่ชอบลืมเวลาถอดรีเทนเนอร์ก่อนรับประทานอาหาร
ข้อจำกัดของรีเทนเนอร์ชนิดติดแน่น
- เนื่องจากเป็นลวดที่ยึดติดด้วยวัสดุชนิด Composite ส่งผลทำให้หินปูนขึ้นได้ง่ายกว่าปกติ ถ้าดูแลได้ไม่ดีอาจทำให้เหงือกอักเสบได้
- ทำความสะอาดยาก เพราะบริเวณที่ยึดติดกับลวดไม่สามารถใช้ไหมขัดฟัน (Floss) เข้าไปทำความสะอาดได้
- มีโอกาสหลุดได้ เมื่อลวดยึดหลุดแล้วให้รีบเข้ามาพบทันตแพทย์เพื่อทำการแก้ไข ถ้าเข้ามาช้าเกินไปอาจทำให้ฟันที่จัดมาเคลื่อน
- อาจเกิดความรู้สึกไม่สบายบริเวณฟันด้านที่ติดกับลิ้นได้เนื่องจากมีลวดติดอยู่
4. รีเทนเนอร์ใสชนิด Vivera
Vivera Retainer ผลิตจากบริษัท Invisalign ขั้นตอนการรักษาจะแตกต่างจากรีเทนเนอร์ชนิดอื่น โดย Vivera Retainer จะสร้างแบบจำลองฟันจากการสแกนฟัน 3 มิติ โดยเครื่อง iTero ซึ่งเป็นขั้นตอนการรักษาเดียวกันกับการเริ่มต้นทำ Invisalign
Vivera Retianer จะถูกผลิตมาทั้งหมด 3 คู่ โดยคนไข้จะสามารถรับชิ้นงานไปทั้งหมด 3 คู่เลยหรือสามารถฝากไว้ที่คลินิกก่อนก็ได้เช่นเดียวกัน
ข้อดีของ Vivera Retainer
- วัสดุผลิตจาก Acrylic มีความทนทานสูง ติดสีและติดกลิ่นจากอาหารที่รับประทานน้อย หรือแทบไม่ติดเลย
- สร้างจากแบบจำลองที่ทำโดยการสแกนฟันแบบ 3 มิติ ทำให้ชิ้นงานออกมามีความแม่นยำสูง
- ผลิตมาทีเดียว 3 คู่ มีข้อดีคือ กรณีที่คนไข้ทำหายไปยังมีชิ้นงานสำรอง และไม่ต้องพิมพ์ฟันใหม่ ลดโอกาสการ Relapse ของฟันมากกว่าแบบอื่น ๆ
ข้อจำกัดของ Vivera Retainer
- ใช้ระยะเวลาในการรอชิ้นงานประมาณ 1-2 สัปดาห์ เนื่องจากชิ้นงานจะถูกผลิตจากอเมริกา ทำให้ต้องใช้เวลาในการผลิตและขนส่งยาวนานกว่ารีเทนเนอร์ชนิดอื่น ๆ
- เนื่องจากวัสดุที่ใช้ค่อนข้างคงทน และเป็นวัสดุที่แตกต่างจากวัสดุที่ใช้ทำรีเทนเนอร์ทั่ว ๆ ไป ราคาของ Vivera จึงสูงกว่าชนิดอื่น ๆ
ประโยชน์ของรีเทนเนอร์ ?
การใส่รีเทนเนอร์อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยรักษาผลลัพธ์ที่ได้มาจากการจัดฟันให้คงอยู่ไปนาน ๆ และยังมีประโยชน์อีกหลากหลายประการ ดังนี้
- รักษาตำแหน่งของฟัน เนื่องจากหลังการจัดฟัน ฟันของเรามีแนวโน้มที่จะกลับไปสู่ตำแหน่งเดิมได้เสมอ รีเทนเนอร์จะช่วยยึดฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องหลังการจัดฟัน
- ป้องกันฟันล้ม ช่วยป้องกันไม่ให้ฟันล้มหรือเอียง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หลังจากจัดฟัน
- เพิ่มความมั่นใจ รอยยิ้มที่สวยงามจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเข้าสังคม
แนะนำเลือกรีเทนเนอร์แบบไหนดี ?
การเลือกรีเทนเนอร์ให้เหมาะสมนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก ๆ ต่อไปนี้
- คำแนะนำของทันตแพทย์ โดยจะเป็นรีเทนเนอร์ที่เหมาะสมที่สุด สำหรับแต่ละบุคคล
- ความสะดวกสบาย ไม่รบกวนการพูดหรือการเคี้ยวอาหาร
- ไลฟ์สไตล์ หากมีกิจกรรมทางสังคมบ่อยครั้ง อาจเลือกแบบใสที่ไม่สังเกตเห็น
- ราคา แต่ละชนิดแตกต่างกันไป ควรเลือกให้เหมาะสม
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใส่รีเทนเนอร์
Q: เราต้องใส่รีเทนเนอร์นานแค่ไหน ?
A: ผู้ที่จัดฟันเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มักจะสงสัยว่ารีเทนเนอร์ใส่กี่ปีถึงจะเลิกใส่ได้ คำตอบก็คือ ควรต้องใส่รีเทนเนอร์ไปตลอดชีวิต เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันล้ม เพราะหากละเลยไม่ใส่นานเป็นสัปดาห์ เดือน หรือปี อาจจะทำให้ฟันเคลื่อนและต้องจัดฟันใหม่อีกรอบ
โดยในช่วง 1-2 ปีแรกหลังจัดฟันเสร็จ ควรใส่รีเทนเนอร์เอาไว้ตลอด และถอดออกเมื่อรับประทานอาหาร แปรงฟัน และทำความสะอาดรีเทนเนอร์เท่านั้น
หลังจาก 2 ปีแรก อาจใส่รีเทนเนอร์แค่บางช่วงเวลาได้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทันตแพทย์ เช่น ใส่เฉพาะตอนนอน
Q: รีเทนเนอร์ต้องเปลี่ยนไหม มีอายุการใช้งานเท่าไร ?
A: รีเทนเนอร์มีอายุการใช้งานที่แตกต่างกันตามประเภท ดังนี้
- รีเทนเนอร์โลหะ มีอายุใช้งานอยู่ที่ประมาณ 5-10 ปี
- รีเทนเนอร์ใส มีอายุใช้งานอยู่ที่ประมาณ 6 เดือน – 2 ปี
และควรเปลี่ยนรีเทนเนอร์ทันทีเมื่อเกิดการแตก-หัก หรือมีหินปูนและสิ่งสกปรกเกาะจำนวนมาก
Q: เราควรทำความสะอาดรีเทนเนอร์ตอนไหนบ้าง มีวิธีทำความสะอาดอย่างไร ?
A: การทำความสะอาดรีเทนเนอร์เป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี โดยควรล้างทันทีทุกครั้งหลังถอดเพื่อรับประทานอาหาร รวมถึงตอนเช้าหลังตื่นนอนและก่อนนอน เพื่อกำจัดแบคทีเรียสะสมซึ่งเป็นสาเหตุของฟันผุและกลิ่นปาก
การทำความสะอาดรีเทนเนอร์สามารถทำได้ด้วยการใช้แปรงขนนุ่ม หรือสำลีขนาดเล็กแปรงเบา ๆ ให้ทั่วทั้งด้านในและด้านนอก ร่วมกับน้ำยาทำความสะอาดรีเทนเนอร์โดยเฉพาะ และอาจแช่ในน้ำยาทำความสะอาดสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
Q: ควรเลือกรีเทนเนอร์ประเภทใด ?
A: การเลือกรีเทนเนอร์ขึ้นอยู่กับความสะดวกในการใช้งานและลักษณะการดูแล โดยมีให้เลือก 3 ประเภทหลัก
- รีเทนเนอร์ลวด เป็นตัวเลือกที่ทนทานและมีอายุการใช้งานยาวนาน ทำจากลวดโลหะบาง ๆ ที่พันรอบฟันด้านหน้า ข้อดีคือสามารถปรับแต่งได้ง่ายโดยทันตแพทย์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นใจว่าฟันจะไม่เคลื่อนตัว แต่อาจมองเห็นได้เล็กน้อยเมื่อยิ้มหรือพูด
- รีเทนเนอร์แบบใส ทำจากพลาสติกใสที่ขึ้นรูปตามแบบฟันของคุณ ข้อดีคือมีความสวยงามและแทบจะมองไม่เห็นเมื่อใส่ ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ใหญ่ที่ต้องการรักษาภาพลักษณ์ทางวิชาชีพ อย่างไรก็ตาม รีเทนเนอร์แบบนี้อาจมีอายุการใช้งานสั้นกว่าแบบลวดและต้องระมัดระวังในการดูแลรักษามากกว่า
- รีเทนเนอร์แบบติดแน่น เป็นลวดบาง ๆ ที่ติดไว้ด้านหลังฟันอย่างถาวร ข้อดีคือไม่ต้องคอยถอดใส่และไม่ต้องกังวลว่าจะลืมใส่ เหมาะสำหรับผู้มีแนวโน้มที่ฟันจะเคลื่อนตัวกลับมาก หรือผู้ที่อาจลืมใส่รีเทนเนอร์แบบถอดได้บ่อย ๆ อย่างไรก็ตาม การทำความสะอาดจะยากกว่าแบบอื่นเล็กน้อย และหากเกิดปัญหาจะต้องพบทันตแพทย์เพื่อแก้ไข
Q: การดูแลรีเทนเนอร์ทำอย่างไร ?
A: การดูแลรีเทนเนอร์อย่างถูกวิธีช่วยยืดอายุการใช้งานได้ โดยมีหลักสำคัญในการดูแลรีเทนเนอร์ ดังนี้
- ทำความสะอาดเป็นประจำด้วยแปรงสีฟันขนนุ่นและน้ำสะอาด
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาสีฟันที่มีสารกัดกร่อนที่อาจทำให้รีเทนเนอร์เสียหาย
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนจัดในการทำความสะอาดเพราะอาจทำให้รีเทนเนอร์เสียรูปทรง
- เก็บในกล่องเฉพาะเมื่อไม่ได้ใส่ เพื่อป้องกันการเสียหาย และสูญหาย
Q: การทำรีเทนเนอร์มีค่าใช้จ่ายเท่าไร ?
A: ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปตามประเภทของรีเทนเนอร์ และความซับซ้อนในการรักษา จึงควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อรับข้อมูลค่าใช้จ่ายที่แน่นอนสำหรับกรณีของคุณ
คงเห็นกันแล้วว่ารีเทนเนอร์มีกี่ประเภทและมีความสำคัญสำหรับคนที่จัดฟันเสร็จแล้วมากเพียงใด ซึ่งใครที่ต้องการเปลี่ยนรีเทนเนอร์ หรืออันเก่ามีปัญหา แตก หัก เสียหาย แต่ไม่รู้ว่าควรเลือกแบบไหนดี สามารถปรึกษาทันตแพทย์ชำนาญการของเรา ได้ที่ About Tooth Dental Clinic สามารถติดต่อได้ที่ LINE : @abouttooth
Promotion รีเทนเนอร์ประจำเดือน คลิก!
อ่านบทความอื่นๆ