ปัญหา น้ำลายบูดคืออะไร?

ปัญหา น้ำลายบูดคืออะไร?

น้ำลายบูด” คือภาวะที่น้ำลายมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะในช่วงเช้าหลังตื่นนอน ซึ่งเกิดจากการสะสมของแบคทีเรียในช่องปากระหว่างที่เรานอนหลับ แบคทีเรียเหล่านี้จะย่อยสลายเศษอาหารและผลิตสารประกอบซัลเฟอร์ (Sulfur Compounds) ที่มีกลิ่นเหม็นออกมา ส่งผลให้เกิดกลิ่นปากและน้ำลายบูด แม้ว่าปัญหาน้ำลายบูดจะพบได้ทั่วไป แต่หากปล่อยไว้โดยไม่แก้ไข อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพช่องปากที่รุนแรงขึ้น เช่น โรคเหงือก ฟันผุ หรือแม้กระทั่งโรคในระบบทางเดินอาหาร

สาเหตุของน้ำลายบูด

1. สุขอนามัยช่องปากไม่ดี

  • การแปรงฟันไม่สะอาด หรือละเลยการใช้ไหมขัดฟัน ทำให้เศษอาหารและคราบพลัคสะสมในช่องปาก ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของแบคทีเรีย
  • การไม่แปรงลิ้น: ลิ้นเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียจำนวนมาก หากไม่ได้รับการทำความสะอาด จะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นในช่องปาก

2. ภาวะปากแห้ง

  • การนอนอ้าปาก: เมื่อนอนอ้าปาก น้ำลายในช่องปากจะลดลง ทำให้แบคทีเรียเติบโตได้ง่ายขึ้น
  • การดื่มน้ำน้อย: น้ำลายมีหน้าที่ช่วยชะล้างเศษอาหารและลดการสะสมของแบคทีเรีย หากร่างกายขาดน้ำ จะทำให้น้ำลายน้อยลง ส่งผลให้เกิดกลิ่นเหม็นในช่องปาก

3. อาหารที่รับประทานก่อนนอน

  • อาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น กระเทียม หัวหอม หรือเครื่องเทศบางชนิด สามารถทำให้เกิดกลิ่นในช่องปากได้ แม้หลังจากแปรงฟันแล้ว
  • ผลิตภัณฑ์จากนม เช่น นม โยเกิร์ต หรือชีส อาจทำให้เกิดกลิ่นเฉพาะตัวในน้ำลาย เนื่องจากโปรตีนในนมถูกย่อยสลายโดยแบคทีเรีย

4. ปัญหาสุขภาพ

  • ฟันผุและโรคเหงือก: ฟันผุหรือเหงือกอักเสบสามารถเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียที่ผลิตกลิ่นเหม็น
  • กรดไหลย้อน (GERD): กรดจากกระเพาะอาหารที่ไหลย้อนขึ้นมาในเวลากลางคืน อาจทำให้เกิดกลิ่นเหม็นในช่องปาก
  • ไซนัสอักเสบ: การติดเชื้อในโพรงจมูกสามารถส่งผลต่อกลิ่นในช่องปากได้

 

ปัญหา น้ำลายบูดคืออะไร?

 

วิธีแก้ไขและป้องกันน้ำลายบูด

1. การดูแลสุขอนามัยช่องปาก

  • แปรงฟันอย่างถูกวิธี: ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ และแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะก่อนนอน
  • ใช้ไหมขัดฟัน: เพื่อลดคราบพลัคและเศษอาหารตามซอกฟันที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึง
  • ทำความสะอาดลิ้น: ใช้แปรงหรือเครื่องมือสำหรับขูดลิ้น เพื่อลดแบคทีเรียบนพื้นผิวของลิ้น

2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

  • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว เพื่อช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำลาย และลดภาวะปากแห้ง
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีน เพราะสามารถทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำได้ง่ายขึ้น

3. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน

  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นแรงก่อนนอน เช่น กระเทียม หัวหอม หรือเครื่องเทศบางชนิด
  • รับประทานอาหารที่ช่วยลดกลิ่น เช่น ผักใบเขียว แอปเปิล หรือโยเกิร์ตชนิดไม่มีน้ำตาล ซึ่งช่วยลดแบคทีเรียในช่องปากได้ดี

4. ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากเพิ่มเติม

  • น้ำยาบ้วนปาก: เลือกสูตรที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะปากแห้ง
  • หมากฝรั่งไม่มีน้ำตาล: ช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำลาย และลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก

5. พบทันตแพทย์เป็นประจำ

  • ตรวจสุขภาพฟันทุก ๆ 6 เดือน เพื่อรับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพช่องปาก และรักษาปัญหา เช่น ฟันผุหรือโรคเหงือก ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม

น้ำลายบูดเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงหรือไม่?

แม้ว่าน้ำลายบูดส่วนใหญ่จะเกิดจากพฤติกรรมหรือสุขอนามัยช่องปาก แต่บางครั้งก็อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรง เช่น:

  • โรคเบาหวาน: ผู้ที่มีระดับน้ำตาลสูง อาจมีภาวะ “กลิ่นอะซิโตน” ในช่องปาก ซึ่งสัมพันธ์กับระดับน้ำตาลในเลือด
  • โรคไตวายเรื้อรัง: กลิ่นคล้าย “แอมโมเนีย” ในช่องปาก อาจเกี่ยวข้องกับการทำงานของไตที่ผิดปกติ
  • มะเร็งในระบบทางเดินอาหาร: หากมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น น้ำหนักลดผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที

หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาน้ำลายบูด หรือสงสัยว่าตัวเองมีโรคเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก สามารถปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่ About Tooth Dental เรามีบริการตรวจสุขภาพฟัน ขูดหินปูน รักษาฟันผุ และบริการอื่น ๆ ที่ครบวงจร พร้อมเทคโนโลยีทันสมัยที่จะช่วยแก้ไขทุกข้อกังวลเกี่ยวกับสุขภาพฟันของคุณ ให้คุณกลับมายิ้มอย่างมั่นใจอีกครั้ง!

 

บทความโดย ทพญ. ณิศรา ธนฤกษ์ชัย

แหล่งอ้างอิง

  1. น้ำลายบูด . สืบค้นเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/
  2. กลิ่นปาก สัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพช่องปาก . สืบค้นเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.petcharavejhospital.com/